ศึกษาการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของสารสกัดจากรากโล่ติ๊นและ กลอยเพื่อกำจัดเพลี้ยจักจั่นสีเขียวในนาข้าว
ประเทศไทยมีอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก
ข้าวเป็นพืชผลทางการเกษตรที่สำคัญของประเทศไทย มีพื้นที่ปลูกข้าว 68.235 ล้านไร่
ได้ผลผลิต 31.807 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่เป็น 466 ก.ก. (สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย,2560)
ทั้งคนไทยยังรับประทานเป็นอาหารและอีกทั้งยังส่งออกต่างประเทศทำให้รายได้ส่วนหนึ่งของประเทศมาจากการขายข้าวหรือส่งออกข้าวและยังเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วยสาเหตุที่ทำให้ผลผลิตข้าวลดลงไม่เป็นไปตามศักยภาพข้าวส่วนหนึ่งมาจาก
เพลี้ย ซึ่งเป็นศัตรูพืชที่เป็นหนึ่งในปัญหาที่ทำให้ชาวนาได้ผลผลิตลดลง
ซึ่งเพลี้ยที่พบเห็นอยู่ส่วนมากและเป็นที่รู้จักกันดีในนาข้าว
คือ เพลี้ยจักจั่นสีเขียว
ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมาพบว่ามีแนวโน้มที่อัตราการเพิ่มจำนวนจะเพิ่มมากขึ้นดังนั้นคณะผู้จัดทำจึงคาดการณ์ไว้ว่าในอนาคตเพลี้ยจักจั่นสีเขียวจะต้องส่งผลเสียให้กับชาวนาชาวนาส่วนใหญ่มักจะกำจัดเพลี้ยโดยการใช้สารเคมีแต่สารเคมีที่ใช้กลับส่งผลกระทบให้ระบบนิเวศในนาข้าวเสื่อมโทรมลง
คณะผู้จัดทำจึงเล็งเห็นปัญหาดังกล่าวของชาวนาพวกเราจึงต้องการกำจัดเพลี้ยจักจั่นสีเขียวโดยส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในนาข้าวให้น้อยที่สุดซึ่งเมื่อศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจึงพบว่ารากโล่ติ๊นมีสารโรติโนนและกลอยมีสารไดออสคอรีนที่สามารถกำจัดเพลี้ยได้ทางคณะผู้จัดทำจึงได้ทำโครงงานนี้ขึ้นมาเพื่อหวังว่าจะสามารถกำจัดเพลี้ยได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในนาข้าวและทำให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขี้นเนื่องจากการลดต้นทุนในการซื้อสารเคมีเพื่อกำจัดเพลี้ย
If You Enjoyed This, Take 5 Seconds To Share It
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น